bg-head-3

有趣的文章

จีนศึกษา วันเสาร์ที่ ๒๓ ม.ค.๖๔ กรณีที่นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ที่ได้เดินทางเยือนประเทศในอาเซียน ๙ ประเทศ ภายใน ๓ เดือน ได้แก่ เมียนมา อินโดนีเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ รวม ๔ ประเทศ


 
๑. เป้าหมายในการเดินทางเยือนของนายหวัง อี้ ต่อประเทศต่างๆ ในอาเซียน
      ๑.๑ เนื่องจากปีนี้ เป็นปีครบรอบ ๓๐ ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอาเซียน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนที่เป็นมิตรระหว่างทั้งสองฝ่ายได้เข้าสู่ "ปีแห่งการยืนหยัด" (“而立之年”) ดังนั้น เพื่อให้ดำเนินการตามฉันทามติที่สำคัญระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้นำของประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะการต่อสู้กับการแพร่ระบาดและการพัฒนาการสร้าง “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (“一带一路”/สายแถบและเส้นทาง Belt and Road Initiative: BRI) ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดจนการสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ
     ๑.๒ เน้นย้ำการรักษาแนวโน้มที่ดีของความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาค รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ของจีนกับประเทศในอาเซียน ให้ก้าวสู่จุดสูงสุดใหม่ในช่วงเวลาสำคัญดังกล่าว
 
๒. ข้อสังเกตเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อาเซียนต่อผลกระทบกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในระหว่างการเยือนประเทศฟิลิปปินส์ของนายหวัง อี้ นั้น บริษัทของจีนและกระทรวงคมนาคมของฟิลิปปินส์ได้ลงนามในโครงการก่อสร้างทางรถไฟซูบิก (苏比克 / Subic) – คลาร์ก (克拉克 / Clark) เพื่อ "เชื่อมต่อฐานทัพเดิมของสหรัฐฯ ทั้งสองแห่งในฟิลิปปินส์" (“连接美国驻菲两个前军事基地的”) ซึ่งมีมูลค่ารวมของโครงการประมาณ ๙๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีความยาวประมาณ ๗๑ กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ ๔๒ เดือน ทั้งนี้ อ่าวซูบิกเคยเป็นฐานซ่อมบำรุงของกองเรือที่ ๗ ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ปัจจุบันเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษซูบิก และเขตปลอดภาษีฐานทัพอากาศคลาร์กซึ่งเป็นฐานทัพอากาศเดิมของกองทัพอากาศสหรัฐฯ และปัจจุบันกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ใช้งานอยู่ นอกจากนี้ ยังมีโครงการสะพานดาเวา - ซามาร์ไอส์แลนด์ ที่มูลค่าสัญญาของโครงการประมาณ ๔๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของจีนในฐานะผู้สนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในฟิลิปปินส์ และย่อมสร้างความหวาดระแวงแก่สหรัฐฯ
 
บทสรุป

บรรดานักวิชาการได้วิเคราะห์ว่า จีนกำลังพยายามวางรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับอาเซียน ก่อนที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะเข้ารับตำแหน่ง และอาจเป็นการเปลี่ยนแนวปฏิบัติทางการทูตในการให้ความสำคัญกับอาเซียน ในขณะที่เว็บไซต์ "Diplomatic Scholar“ ของสหรัฐฯ ก็ได้วิเคราะห์ในทำนองเดียวกันว่า นายหวัง อี้ ได้เยือนประเทศในอาเซียนเป็นครั้งที่ ๒ ในรอบ ๓ เดือน โดยจุดสนใจไม่ได้อยู่ที่วัคซีนโควิด-๑๙ เท่านั้น แต่วาระหลักอยู่ที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาด รวมทั้งการดำเนินการตามข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (“一带一路”)  หรือ “สายแถบและเส้นทาง” ( “Belt and Road Initiative : BRI”) และความมั่นคงในภูมิภาค
 
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล

ข้อมูลจากเว็บไซต์ 

https://news.sina.cn/gn/2021-01-18/detail-ikftpnnx8664508.d.html?vt=4&cid=57929&node_id=57929 

https://weareunited.com.my/11532779/ 

https://www.mfa.gov.cn/web/fyrbt_673021/t1845585.shtml