มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๑๑ ก.ค.๖๒ พันเอกอาวุโสอู๋ เชียน โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน แถลงที่กรุงปักกิ่งว่า ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกจากจีนได้ กองทัพจีนมีความไม่พอใจอย่างยิ่งและคัดค้านสหรัฐฯ จำหน่ายอาวุธแก่ไต้หวัน ได้ประท้วงสหรัฐฯ อย่างจริงจัง ทั้งนี้ จีนมีจุดยืนคัดค้านสหรัฐฯ จำหน่ายอาวุธแก่ไต้หวันที่ชัดเจนมาโดยตลอด ซึ่งการกระทำที่ผิดพลาดของสหรัฐฯ ดังกล่าว ได้ฝ่าฝืนหลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมสามฉบับระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะแถลงการณ์ “๑๗ สิงหาฯ” ถือเป็นการกระทำแทรกแซงกิจการภายในของจีน ทำลายอธิปไตยและความมั่นคงของจีน ทำลายความสำคัญทางการทหารและสองประเทศอย่างร้ายแรง ทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง
๒. ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ ๙ ก.ค.๖๒ นายหยาง เจี๋ยฉือ กรรมการกรมการเมืองและผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการฝ่ายการต่างประเทศส่วนกลางแห่งชาติจีน ได้กล่าวว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งที่แบ่งแยกไม่ได้ของจีน การที่สหรัฐฯ ขายอาวุธให้ไต้หวันเป็นการขัดต่อหลักการ “หนึ่งประเทศ”ของจีน และข้อกำหนดแถลงการณ์ร่วม ๓ ฉบับระหว่างสองประเทศ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายอธิปไตยเหนือดินแดนและความปลอดภัยของจีน อีกทั้งยังมุ่งหวังจะทำลายความมั่นคงและสันติภาพของน่านน้ำโดยรอบไต้หวัน ดังนั้น รัฐบาลจีนและประชาชนจีนมีเจตนารมณ์ในการป้องกันอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดน โดยขอให้สหรัฐฯ ยกเลิกแผนการขายอาวุธให้ไต้หวัน และหยุดการติดต่อทางการทหารกับไต้หวัน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ สันติภาพ รวมทั้งความมั่นคงของน่านน้ำโดยรอบไต้หวัน
๓. ข้อสังเกต จากกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๗ พ.ค.๖๒ ที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ผ่าน “กฎหมายว่าด้วยหลักประกันไต้หวัน ปี ๒๐๑๙” และญัตติ “ยืนยันความมุ่งมั่นต่อไต้หวันของสหรัฐฯ และการประกาศใช้กฎหมายความสัมพันธ์กับไต้หวันของสหรัฐฯ” โดยนายหลิว ควางอี่ย์ ผู้ช่วยนักวิจัยของสภาสังคมและวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน ได้ให้ความเห็นว่า การกระทำของสหรัฐฯ เช่นนี้ มุ่งหมายจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน และรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเกาะไต้หวันเช่น การอนุมัติให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับของสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนเกาะไต้หวัน และการผลักดันให้สหรัฐฯ สามารถขายอาวุธให้แก่ไต้หวันได้เป็นประจำ ฯลฯ ซึ่งการกระทำเช่นนี้มีเพียงแต่จะทำให้ไต้หวันลำบากยิ่งขึ้น วุ่นวายยิ่งขึ้น และไม่มั่นคงยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากเนื้อแท้ของกฎหมายดังกล่าวคือ ต้องการจะยกเลิกข้อจำกัด “ความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ และเกาะไต้หวัน”
บทสรุป
มีผู้สันทัดกรณีได้วิเคราะห์ว่า แม้ว่ารัฐบาลจีนจะยังมีความกังวลกับกลยุทธ์ของนักการเมืองบางส่วนในสหรัฐฯ ที่มุ่งใช้ปัญหาไต้หวันมาเหนี่ยวรั้งและต่อต้านจีนอยู่ก็ตาม แต่บรรดานักการเมืองสหรัฐฯ เหล่านั้นและรัฐบาลของสหรัฐฯ จะไม่สามารถต้านกระแสเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ รวมทั้งความปรารถนาที่แรงกล้าของมวลชนได้ ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างแผ่นดินใหญ่และเกาะไต้หวัน ได้มีการยึดโยงกันด้วยการสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานที่มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยแผ่นดินใหญ่เป็นหุ้นส่วนทางการค้า และตลาดการส่งออกที่ใหญ่ที่สุด รวมถึงแหล่งลงทุนที่สำคัญที่สุดของไต้หวัน ในขณะที่ยอดมูลค่าการค้าระหว่างแผ่นดินใหญ่และเกาะไต้หวันในปี ๒๐๑๘ (พ.ศ.๒๕๖๑) มีกว่า ๒๐๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีพี่น้องชาวไต้หวันได้เดินทางมาเยือนแผ่นดินใหญ่กว่า ๔ ล้านคน ซึ่งจะส่งผลต่อความรู้สึกของพี่น้องชาวไต้หวันเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่จะได้รับมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแผ่นดินใหญ่
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
ข้อมูลจากเว็บไซต์
http://www.china-embassy.org/eng/xw/t655231.htm
http://thai.cri.cn/20190710/f0893306-13c9-9d60-58b8-3e6fbff97f58.html
http://thai.cri.cn/20190710/39a1ae24-eb81-da77-62f2-dc63553978ce.html
http://thai.cri.cn/20190511/3ac01995-eb1b-2add-aaf9-8dc61437ff55.html
http://thai.cri.cn/20190126/4d19da3c-b5c5-e4cf-58c0-ca67818f24a4.html
http://thai.cri.cn/20190712/37764a50-18a4-4036-4a49-dbe344e76fc7.html