bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันพฤหัสบดีที่ ๗ มิ.ย.๖๑ : ครบรอบ ๔๐ ปีเมืองเซินเจิ้น

อดีตและปัจจุบันของเมืองเซินเจิ้นกับความสำเร็จในการปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการเปิดสู่ตลาดโลกของจีน ครบรอบ ๔๐ ปี ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

๑. เมืองเซินเจิ้น ถือเป็นเมืองระดับสากลที่ทันสมัย มีประชากรประมาณ ๒๐ ล้านคน โดยมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ ๔ ในจีน และเป็นอันดับ ๒ ของมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) รองจากเมืองกว่างโจว (กวางเจา) โดยย้อนกลับไปเมื่อวันที่ ๕ มี.ค.๒๒ ที่รัฐบาลจีนได้อนุมัติแผนการพัฒนาของรัฐบาลมณฑลกว่างตง โดยเปลี่ยนชื่ออำเภอเปาอันเป็นเมืองเซินเจิ้น ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามของฮ่องกง และในเดือน เม.ย.๒๒ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาประจำมณฑลกว่างตง ได้ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลกลางว่า มณฑลกว่างตงอยู่ใกล้กับฮ่องกงและมาเก๊า มีชาวจีนโพ้นทะเลจำนวนมาก หวังว่ารัฐบาลกลางจะให้นโยบายพิเศษ อนุญาตจัดตั้งเขตแปรรูปสินค้าส่งออกที่เมืองเซินเจิ้น จูไห่และซานโถว ปรากฏว่าแนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเติ้ง เสี่ยวผิง อดีตผู้นำจีน ทำให้เมืองเซินเจิ้นกลายเป็นชุมทางขนส่งและคมนาคมที่สำคัญ ทั้งทางทะเลและอากาศทางตอนใต้ของประเทศ โดยเฉพาะการเข้าออกของสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ที่บริเวณท่าเรือเมืองเซินเจิ้น มีปริมาณมากเป็นอันดับ ๒ ของประเทศ และเป็นอันดับ ๖ ของโลก นอกจากนี้ท่าอากาศยานของเมืองเซินเจิ้นก็ติดอันดับ ๑ ใน ๔ สนามบินใหญ่ในประเทศจีน

๒. การเปลี่ยนแปลงของเมืองเซินเจิ้น น่าจะเป็นกรณีตัวอย่างสะท้อนภาพของความสำเร็จในการปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการเปิดสู่ตลาดโลกของจีนได้มากที่สุด กล่าวคือ
         ๒.๑ ช่วง ๔๐ ปีที่ผ่านมา เมืองเซินเจิ้นเป็นเมืองทางภาคใต้ของจีน ห่างจากกรุงปักกิ่งที่อยู่ทางเหนือของจีนประมาณ ๒,๐๐๐ กิโลเมตร และห่างจากเมืองเหนือสุดของจีนประมาณ ๔,๐๐๐ กิโลเมตร ที่เป็นหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ ริมชายฝั่งทะเลภาคใต้ของจีน แต่หลังจากรัฐบาลกลางกำหนดนโยบายการปฏิรูปเปิดสู่ภายนอก และจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นครั้งแรก โดยเซิ้นเจิ้นถูกเลือกให้กลายเป็น ๑ ใน ๔ เขตเศรษฐกิจพิเศษแรกของจีน มีนิคมอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี “เฉียนไห่” ที่ตั้งอยู่เขตหนานโถวของเมืองเซินเจิ้น ที่ได้รับการขนานนามว่า “เขตเศรษฐกิจพิเศษภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษ”เป็นจุดที่มีความโดดเด่น ซึ่งในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา ได้มีบริษัทเกิดใหม่โดยเฉลี่ยกว่า ๓๐,๐๐๐ แห่งต่อปี และถือว่าเป็นพื้นที่ที่นำหน้าการปฏิรูปรอบใหม่ของจีน
         ๒.๒ แผนในอนาคตของเมืองเซินเจิ้น ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ ๕ ปี ฉบับที่ ๑๓ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้จีนกลายเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรมและการเงินของโลก”และภายใต้แผนดังกล่าว ได้มีการดำเนินนโยบาย “Made in China 2025” ซึ่งจะกระตุ้นให้จีนสามารถขยายขีดความสามารถด้าน “นวัตกรรมและเทคโนโลยี” ของประเทศ พร้อมทั้งยกระดับผลผลิตต่างๆ ในห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) เพื่อผลักดันแบรนด์ “Made in China” ให้เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ทำให้“เซินเจิ้น” ได้รับการยกระดับเป็น “Silicon Valley of Asia” เนื่องจาก
                 ๒.๒.๑ ในบรรดาเมืองใหญ่ ๙ แห่งบริเวณเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ประกอบด้วย นครกว่างโจว, เมืองเซินเจิ้น, เมืองฝอซาน, เมืองจูไห่, เมืองตงกว่าน, เมืองจงซาน, เมืองเจียงเหมิน, บางส่วนของเมืองจ้าวชิ่ง และบางส่วนของเมืองหุ้ยโจว พบว่า “เซินเจิ้น” เป็นเมืองที่มีภาคการผลิตใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าเพิ่มด้านอุตสาหกรรมถึง ๗๑๙,๐๐๐ ล้านหยวน อุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ การสื่อสาร คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ และด้านธุรกิจการเงิน
                 ๒.๒.๒ เซินเจิ้น เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญของนโยบายความริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative : BRI) โดยเป็นศูนย์กลางการเงินอันดับที่ ๒๒ ของโลก และเป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น และเขตการค้าเสรีเฉียนไห่ เป็นหนึ่งในเขตการค้าเสรีในยุคแรกที่ดำเนินนโยบายการใช้ “นวัตกรรม” ที่ทันสมัย เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจ และมีโรงเรียนธุรกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก จึงเป็นแหล่งผลิตผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้านการเงินชั้นสูงได้อย่างต่อเนื่อง

บทสรุป

ปัจจุบันเมืองเซินเจิ้นเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว มีสถานะเป็นเมืองในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใหญ่ที่สุด และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุด โดยมีนักเศรษฐศาสตร์ของจีนกล่าวว่า การปฏิรูปสู่ภายนอก เป็น “พันธุกรรม” ของการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของเมืองเซินเจิ้น อีกทั้งเป็น “รหัสลับ” ในการอธิบายสาเหตุที่ประเทศจีนและคนจีนสามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ จากแนวคิดอันมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลของเติ้ง เสี่ยวผิง เมื่อ ๔๐ ปีก่อนหน้านี้ ที่กล่าวถึงรัฐบาลท้องถิ่นว่าสามารถแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งออกมาและตั้งชื่อเขตพิเศษได้ แม้รัฐบาลกลางจะไม่มีเงินทุนแต่จะให้นโยบายพิเศษบ้าง โดยต้องอาศัยเหล่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นกำหนดนโยบายและหาเงินทุนเอง รวมทั้งพยายามบุกเบิกหนทางการพัฒนาใหม่ จึงกล่าวได้ว่า เมืองเซินเจิ้น เป็นกรณีตัวอย่างซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในรอบ ๔๐ ปีที่ผ่านมาต่อการปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการเปิดสู่ตลาดโลกของจีนได้เป็นอย่างดี

ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล

ข้อมูลจากเว็บไซต์

http://thai.cri.cn/247/2018/06/05/121s267734.htm

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99

https://www.brandbuffet.in.th/2017/12/shenzhen-silicon-valley-of-asia/

https://technode.com/2017/12/11/shenzhen-book-excerpt/