bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันอาทิตย์ที่ ๘ ก.ค.๖๑ : ท่าทีของจีนที่ไม่ประสงค์จะให้เกิดสงครามการค้า

ท่าทีของจีนที่ไม่ประสงค์จะให้เกิดสงครามการค้าขึ้น แต่จะยืนหยัดเพื่อปกป้องประโยชน์ของจีนอย่างแน่วแน่ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

๑. ท่าทีของฝ่ายจีน
        ๑.๑ ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกฎระเบียบภาษีศุลกากรแห่งคณะรัฐมนตรีจีนแถลงว่า รัฐบาลจีนได้ย้ำจุดยืนหลายครั้ง ในการที่จีนจะไม่ใช้มาตรการเพิ่มการเก็บภาษีก่อนสหรัฐฯ แน่นอน
        ๑.๒ นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ เมื่อวันที่ ๒๘ มิ.ย.๖๑ ที่กรุงปักกิ่งว่า
                ๑.๒.๑ ธุรกิจทั้งจีนและสหรัฐฯ ดำเนินความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอย่างชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับมาโดยตลอด ผลักดันให้การค้าระหว่างสองประเทศเติบโตขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมด้านเทคโนโลยีให้พัฒนาก้าวหน้า เป็นผลดีต่อทั้งจีนและสหรัฐฯ สหรัฐฯ หวังที่จะขยายการส่งออกมายังจีน เพื่อลดการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งมีศักยภาพอย่างมากในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไฮเทคและอุตสาหกรรมการบริการ
                ๑.๒.๒ การจำกัดการส่งออกจะส่งผลตรงกันข้ามกับความต้องการของสหรัฐฯ จากข้อมูลสถิติพบว่า ช่วง ๕ เดือนแรกของปีนี้ การควบรวมกิจการและการลงทุนโดยตรงของจีนในสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมกว่า ๑,๘๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ น้อยกว่าระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ๙๒%
                ๑.๒.๓ จีนมีความเห็นมาโดยตลอดว่า จีนควรส่งเสริมความสะดวกด้านการลงทุนระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขจำกัดการลงทุนจากต่างชาติโดยถือความปลอดภัยแห่งชาติเป็นข้ออ้าง โดยที่ตลาดการลงทุนทั่วโลกจะตอบรับท่าทีของสหรัฐฯ ที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศการลงทุน

๒. ในขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ ๖ ก.ค.๖๑ เป็นต้นไป จะขึ้นภาษีของบริษัทสหรัฐฯ ในจีน ทั้งนี้เพราะในภาษี ๓๔,๐๐๐ ล้านหยวนที่สหรัฐฯ ประกาศจะเก็บเพิ่มจากจีนนั้น มี ๖๐% มาจากบริษัทต่างชาติที่มีสาขาในจีน และในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทของสหรัฐฯ

๓. ข้อสังเกต เมื่อวันที่ ๖ ก.ค.๖๑ สหรัฐฯ เริ่มมาตรการเก็บภาษีศุลกากรสินค้าที่จีนส่งออกไปยังสหรัฐมูลค่า ๓๔,๐๐๐ ล้านเหรียญดอลลาร์ อย่างเป็นทางการ ขณะที่จีนเตรียมแผนการรับมือโดย
        ๓.๑ ใช้มาตรการทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเพื่อตอบโต้ต่อสงครามการค้ากับสหรัฐฯ อย่างสมน้ำสมเนื้อ โดยจีนจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน
        ๓.๒ จับตาดูความเคลื่อนไหวของบุคคล ๓ คนของสหรัฐฯ ที่จีนเห็นว่าเป็นผู้ต้องการก่อสงครามการค้ากับจีน ได้แก่
                ๓.๒.๑ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมาจากวงการธุรกิจ ที่มุ่งเรียกคะแนนสนับสนุนในนโยบายของตนเอง จึงพุ่งเป้าการโจมตีไปที่จีน โดยอ้างว่า จีนได้ปล้นโอกาสการทำงานของชาวอเมริกัน
                ๓.๒.๒ นายโรเบิร์ต ไลท์ธิเซอร์ (Robert Lighthizer) ที่มีฉายาว่า "ซาร์แห่งการค้าสหรัฐฯ" ซึ่งเป็นผู้วางแผนการสอบสวนพฤติกรรมการค้าของจีน ตามมาตรา ๓๐๑ นอกจากนี้ ได้มีส่วนร่วมในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศมากกว่า ๒๐ ครั้ง ครอบคลุมทั้งด้านเหล็กกล้า รถยนต์ และผลิตภัณฑ์การเกษตร รวมทั้งยังมีชื่อเสียงจากกรณีที่บังคับให้ญี่ปุ่นลงนามใน "ข้อตกลงตลาด" ในปี ๑๙๘๕ (พ.ศ.๒๕๒๘)
                ๓.๒.๓ นายปีเตอร์ นาวาร์โร (Peter Navarro) ผู้ตั้ง"ทฤษฎีภัยคุกคามจีน" ถึงแม้จะยังไม่เคยเดินทางมาจีนจนกระทั่งปี ๒๐๑๘ (พ.ศ.๒๕๖๑) แต่ได้เขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม โดยมีมุมมองว่า จีนเป็น "ศัตรูในจินตนาการ"

บทสรุป

จากการประเมินของกระทรวงพาณิชย์จีน มีข้อพิจารณาว่า ไม่ว่าสภาพแวดล้อมภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนก็จะพัฒนาตามจังหวะที่กำหนดไว้ โดยยืนหยัดแนวคิดที่ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งยืนหยัดที่จะผลักดันการปฏิรูปและเปิดประเทศ และยืนหยัดที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีคุณภาพสูง ตลอดจนเร่งการสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีความทันสมัย ซึ่งสอดคล้องกับนักเศรษฐศาสตร์ของจีนหลายสำนักที่เห็นว่า ไม่ว่าสหรัฐฯ จะใช้ปฏิบัติการต่อจีนอย่างไร ก็ยากที่จะกระทบถึงแนวโน้มการพัฒนาอย่างมั่นคงของเศรษฐกิจจีนได้ โดยเฉพาะจีนกำลังเร่งการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวทางของจีน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพสูง และสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีความทันสมัย

ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล

ข้อมูลจากเว็บไซต์

http://thai.cri.cn/247/2018/07/06/234s268723.htm

http://thai.cri.cn/247/2018/07/05/230s268706.htm

http://thai.cri.cn/247/2018/07/03/64s268609.htm

http://thai.cri.cn/247/2018/06/29/227s268507.htm

http://thai.cri.cn/247/2018/07/06/302s268741.htm

http://thai.cri.cn/247/2018/06/20/101s268190.htm