bg-head-3

บทความ

จีนศึกษา วันเสาร์ที่ ๒๙ ก.ย.๖๑ : เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะแซงสหรัฐฯ กลายเป็นอันดับหนึ่งของโลก

เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะแซงสหรัฐฯ กลายเป็นอันดับหนึ่งของโลกภายใน ๑๒ ปีข้างหน้า ในขณะที่รัฐบาลจีนยังคงมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

๑. แนวโน้มของเศรษฐกิจจีน
        ๑.๑ เมื่อวันที่ ๒๕ ก.ย.๖๑ สำนักข่าวบลูกมเบิร์ก เปิดเผยว่าคณะนักเศรษฐศาสตร์ของ HSBC Holdings ได้เผยแพร่รายงานศึกษาระบุว่า จีนจะแซงสหรัฐอเมริกาขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่โตที่สุดในโลกภายในปี ๒๐๓๐ (พ.ศ.๒๕๗๓) โดยโตจาก ๑๔.๑ ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปัจจุบันเป็น ๒๖ ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว ๘๔๓ ล้านล้านบาท) ในปี ๒๐๓๐ (พ.ศ.๒๕๗๓) และคาดการณ์ว่า ในช่วงสิบปีข้างหน้าจีนจะยังคงเป็นผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกให้เจริญเติบโตต่อไปด้วย
        ๑.๒ รายงานของ HSBC Holdings ถือว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF (International Monetary Fund) ในเดือน ก.ค.๖๑ ระบุว่า จีนอาจจะกลายเป็นระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี ๒๐๓๐ (พ.ศ.๒๕๗๓) อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ดังกล่าวถือว่าขัดแย้งต่อคำแถลงของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้วที่ระบุว่า เศรษฐกิจจีนไม่ได้อยู่บนเส้นทางในการเติบโตแซงหน้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเวลาอันใกล้นี้อีกต่อไป นอกจากนี้ HSBC Holdings ยังระบุด้วยว่า ตลาดเกิดใหม่จะมีส่วนช่วยมากถึงร้อยละ ๗๐ ในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกภายในปี ๒๐๓๐ (พ.ศ.๒๕๗๓)

๒. รัฐบาลจีนยังคงมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อันส่วนหนึ่งของความพยายามในการรักษาเสถียรภาพการจ้างงาน กล่าวคือ
        ๒.๑ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวเมื่อวันพุธที่ ๒๖ ก.ย.๖๑ ว่ารัฐบาลกลางจะส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม ซึ่งมีแรงงานจำนวนมากเปลี่ยนงานของแรงงานเหล่านั้นไปยังภาคที่เกิดขึ้นใหม่ โดยรัฐบาลจะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินเพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจระบบดิจิทัล เช่น Big Data และปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) และให้การสนับสนุนด้านนโยบายเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมภาคเอกชนและกองทุนร่วมทุนเพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องตามแนวทางนี้ โดยเดือนก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการและธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศจีน ประกาศแผนการผลักดันการลงทุนมูลค่า ๑๐๐,๐๐๐ ล้านหยวน (๑๔.๕๕ พันล้านดอลลาร์) ในห้าปีถัดไป ในภาคอุตสาหกรรม Big Data รวมทั้ง IoT (Internet of Things) และระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง โดยให้ความสำคัญกับการริเริ่มและการสนับสนุนโครงการที่สำคัญ
        ๒.๒ ด้านธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว ๖.๖% ในปีนี้และจะลดลงเหลือ ๖.๓% ในปี ๒๐๑๙ (พ.ศ.๒๕๖๒) โดยนายหวัง หยาง นักเศรษฐศาสตร์จาก NDRC ( National Development and Reform Commission) กล่าวว่า ควรมีความพยายามมากขึ้นในการสร้างงานใหม่ ๆ ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากความขัดแย้งทางการค้า ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการหางานใหม่ ๆ ผ่านการฝึกอบรมวิชาชีพและสร้างงานในภาคอื่น ๆ ในขณะที่สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประเทศจีนพบว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของจีนมีมูลค่าโดยรวมทะลุถึง ๒๗.๒ ล้านล้านหยวนภายในสิ้นปี ๒๐๑๗ (พ.ศ. ๒๕๖๐) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน ๓๒.๙% ของ GDP ทั้งหมด ซึ่งจากข้อมูลฯ พบว่าในช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีการจ้างงานในระบบดิจิทัลจำนวนทั้งสิ้น ๑๗๑ ล้านคน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๒๒.๑ ของการจ้างงานโดยรวมในช่วงดังกล่าว

บทสรุป

จากการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์พบว่า เศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มจะแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่โตที่สุดในโลกภายในปี ๒๐๓๐ (พ.ศ.๒๕๗๓) ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพการจ้างงานผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนมุ่งเน้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน เนื่องจากการคุกคามของสงครามการค้า อัตราภาษีศุลกากรที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นจากสหรัฐฯ อาจทำให้เกิดการสูญเสียงานในบริษัทที่พึ่งพาการส่งออก โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบกับกำแพงภาษีศุลกากรล่าสุดของสหรัฐฯ

ประมวลโดย : พันเอกไชยสิทธิ์ ตันตยกุล

ข้อมูลจากเว็บไซต์

https://www.chinadailyhk.com/articles/27/110/214/1537956818029.html

https://mgronline.com/china/detail/9610000096442 

https://mgronline.com/china/detail/9610000096667 

http://www.ecns.cn/news/economy/2018-09-26/detail-ifyyknzp7229602.shtml

https://www.cnbc.com/2018/09/26/china-to-boost-3point8-trillion-digital-economy-to-create-more-jobs.html

https://www.businesstimes.com.sg/government-economy/china-to-further-boost-us38t-digital-economy-create-more-jobs